บทที่สาม
ผมมองว่าใครเป็นคนชน และก็ต้องเจอกับผู้ชายตัวเล็กคนหนึ่ง เขาจ้องผมตาโต และจากสีหน้าก็รู้ว่าเขากลัวผม ก็ไม่โทษเขาหรอกนะ หน้าตาผมมันไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่
“โอ๊ะ ผมขอโทษจริงๆ ครับ!” เขาอุทาน ผมมองเขาที่ถอยหลังไปสะดุดจนเกือบจะหัวเราะในความเตี้ยของเขา เขาสูงเท่าไหร่กันนะ? 5 ฟุตได้มั้ง? ผมมองดวงตาของเขาที่กลอกไปมาทุกทิศทาง พยายามเลี่ยงที่จะไม่มองผม ตัวเขาสั่นแทบจะตลอดเวลาเหมือนหมาพันธุ์เล็กๆ ที่ตัวสั่นตลอด ผมลืมชื่อพันธุ์มันไปแล้ว
ผมแค่จ้องเขานิ่งด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกันระหว่างความประหลาดใจกับความรำคาญ เจ้าตัวเล็กนี่ก็น่ารักอยู่หรอก แต่ผมไม่มีอารมณ์จะมาสนใจอะไรแบบนั้น “เดินดูทางหน่อยสิ ไอ้เตี้ย” ผมพูดเสียงต่ำทุ้ม ในใจผมกำลังเจ็บปวดและไม่อยากจะเข้าคลาสนั้นเลยจริงๆ
ผมมองเขาที่หดตัวด้วยความอับอาย และผมก็ไม่โทษเขาหรอกนะ ผมไม่ได้ทำให้บรรยากาศมันน่าสบายใจสำหรับเขาสักนิด แต่ผมแคร์ไหม? ไม่เลย
“ผมขอโทษจริงๆ ครับ” เขาย้ำ “ผมไม่ได้มองทาง” เขาพยายามจะแก้ไขสถานการณ์ แต่ผมก็แค่จ้องเขากลับไป ทำให้เขาเปล่งเสียงแหลมเล็กออกมาแล้วบิดมือไปมา
เขาหล่อสวย ผมไม่โกหกหรอก เขาตัวเล็ก ผิวเข้ม และมีใบหน้าที่ดูเด็กมาก อย่างน้อยก็น่าจะ 19 หรืออย่างมากก็ 21 ร่างเล็กบางของเขาดูมีความเป็นผู้หญิงนิดๆ ผิวของเขาดูเนียนเรียบ ราวกับว่าเขาดูแลมันเป็นอย่างดี ผมเขาตัดสั้นเกรียน...แล้วมือของเขา...สายตาผมเลื่อนไปจับจ้องที่มือคู่นั้น มันเรียวยาวและน่ามอง แค่ได้มองเขาก็ทำให้ผมนึกไปถึงสิ่งต่างๆ ที่ผมจะทำกับเขาได้ถ้าเขาเป็นของผม ผมนึกภาพตัวเองกำลังออกแบบผิวเนียนใสของเขาด้วยรอยสีกุหลาบ...รอยแห่งความสุขสม ผมมองเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลของเขา ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นที่จะจ้องมองผม พลางอ้อนวอนให้ผมปล่อยเขาไปให้ถึงฝั่งฝัน แต่ผมอย่าเพิ่งคิดไปไกลเกินเลยดีกว่า ผมสลัดความคิดพวกนั้นออกจากหัว ผมหันหน้ากลับไปจ้องลิฟต์ รอให้มันเปิดออก
ผมไม่เคยเห็นเขามาก่อนเลย บางทีเขาอาจจะเพิ่งย้ายมาใหม่? แต่ก็นั่นแหละ ผมย้ายมาที่นี่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว และบอกตามตรงว่าผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพื่อนบ้านแต่ละคนหน้าตาเป็นยังไง ก็ยกเว้นเพื่อนบ้านคนหนึ่งที่ชอบจ้องผมด้วยสายตาอ่อยๆ อยู่เรื่อย เธอมองได้ แต่ไม่มีวันได้แอ้มผมหรอก “จ้องเสร็จรึยัง?” ผมถามเขาอย่างรำคาญและหงุดหงิดเมื่อรู้สึกว่าเขายังคงจ้องผมอยู่
“ขอโทษครับ” เขาพูดรัวๆ ผมแค่พยักหน้า ไม่ได้ใส่ใจคำขอโทษของเขา
“ผม...เอ่อ...ชื่อดีแลนครับ” ผมได้ยินเขาแนะนำตัว แต่ผมได้ถามเหรอ?
“แล้วจะให้ผมสนทำไม?” ผมถามอย่างรำคาญนิดๆ ทำไมเขาต้องมาคุยกับผมด้วยนะ หัวผมปวดตุบๆ และถึงแม้เสียงของเขาจะเบาและสงบแค่ไหน แต่มันก็น่ารำคาญที่จะได้ยินในตอนนี้อยู่ดี
เรายืนอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง ในที่สุดความเงียบก็มาเยือน หวังว่าเขาจะไม่พูดอะไรอีกนะ เพราะผมกำลังเพลิดเพลินกับความเงียบ และจากท่าทางที่เหมือนจะฉี่ราดกางเกงของเขา ผมก็กำลังเพลินกับภาพนั้นเหมือนกัน แต่แล้วสีหน้าผมก็อ่อนลงนิดหน่อย เขากลัวจนขี้หดตดหายโดยไม่มีเหตุผล และถึงผมจะอารมณ์บูดแค่ไหน มันก็ไม่ใช่ความผิดของเขาสักหน่อย ผมเลยไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปลงอารมณ์กับเขา
ดังนั้นผมจึงเริ่มเดินไปที่ลิฟต์เมื่อเห็นว่ามันเปิดออก
“จะยืนอยู่ตรงนั้นรอให้เพื่อนบ้านคนต่อไปรำคาญรึไง?” ผมถามเขาขณะก้าวเข้าไปในลิฟต์ ผมมองร่างเล็กๆ ของเขาที่พยายามจะหาคำพูด มันเหมือนกับว่าเขากำลังเถียงกับตัวเองอยู่ข้างใน
“ผะ...ผม...” คือสิ่งที่หลุดออกมาจากปากเขา ทำให้ผมหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ เขาน่ารักดีนะ
“คุณ...คุณ...” ผมเลียนแบบ ประตูลิฟต์กำลังจะปิด ผมเลยรีบยื่นมือไปกันไว้ ทำให้ประตูเลื่อนเปิดออกอีกครั้ง รอให้เขาเดินเข้ามาข้างใน
“เข้ามาสิ” ผมสั่ง ทำให้เขาสะดุ้งด้วยความกลัวแล้วรีบวิ่งเข้ามาในลิฟต์
ประตูลิฟต์ปิดลงและผมกดไปที่ชั้นล่างสุด ผมรู้สึกได้ว่าเขาพยายามจะไม่จ้องผม และนั่นก็ช่วยเพิ่มอีโก้ให้ผมได้นิดหน่อย งั้นเขาก็คิดว่าผมมีเสน่ห์ดึงดูดสินะ? รู้แบบนี้แล้วก็รู้สึกดีเหมือนกัน
เราอยู่ในลิฟต์กันอย่างเงียบๆ ซึ่งถูกรบกวนด้วยเสียงกลืนน้ำลายดังเอื๊อกของเขา ทำไมเขาถึงได้หวาดระแวงและตื่นตูมขนาดนี้นะ ผมไม่ทำร้ายคุณหรอกน่า ใจเย็นๆ ผมจ้องเขา เขากำลังหันหน้าไปมา มองทุกสิ่งทุกอย่างและพยายามหลบสายตาผม
ในที่สุดเราก็มาถึงชั้นล่าง และเราทั้งคู่ก็ก้าวออกจากลิฟต์
“ขอโทษอีกครั้งนะครับ” เขาพูดรัวๆ เป็นการบอกลาแล้วรีบวิ่งไปที่รถของเขา
ผมเดินไปที่รถของตัวเองแล้วขับออกไป
เขาเป็นผู้ชายที่น่าสนใจ หวังว่าจะได้เจอเขาอีกนะ
.....
ผมกำลังเดินไปที่ห้องเรียนตอนที่เห็นเขา ผ่านหน้าต่างบานใหญ่ของคลาสศิลปะ เขายืนอยู่ตรงนั้นอย่างประหม่าขณะพูดคุยกับนักศึกษาของเขา
ผมรู้ได้เลยว่าเขาต้องพูดติดๆ ขัดๆ อยู่ในนั้นแน่ ผมหัวเราะขณะมองเขาพยายามพูดกับนักศึกษาที่ดูเหมือนว่าบางคนก็ไม่สนใจคลาสเรียน หรือไม่ก็แค่รู้สึกขบขันกับชายตัวเล็กที่เพิ่งประกาศว่าตัวเองเป็นอาจารย์ของพวกเขา
ผมมองเขาอยู่ครู่หนึ่งขณะที่เขาสอน วิธีที่เขาเคลื่อนไหว ท่าทางที่ดูเกร็งแต่ก็มีสีหน้าที่ผ่อนคลาย บางทีอาจจะพยายามแสดงให้นักศึกษาเห็นว่าเขาสบายใจเมื่ออยู่กับพวกเขา
ขณะที่ผมจ้องมองเขา บางอย่างก็แวบเข้ามาในหัว...
เขาเป็นอาจารย์เหรอ?
เดี๋ยวนะ ไอ้ตัวเล็กนั่นเป็นอาจารย์เหรอ?
เจ้าเด็กอายุ 19 นั่นกำลังสอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยของผมเนี่ยนะ?
สอนหนังสือ?
ไอ้ตัวเล็กนี่อายุเท่าไหร่กันแน่
“ไปเหอะเพื่อน ไปเข้าคลาสกันได้แล้ว มึงยืนจ้องมาสักพักแล้วนะ” ผมได้ยินเสียงดังขึ้นข้างๆ ทำให้ผมหันไปมองทางซ้าย และคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือแอรอน เพื่อนสนิทของผม
เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ตอนที่ผมไปต่อยกับพวกอันธพาลที่โรงเรียนมัธยม ซึ่งกำลังพยายามจะรุมกระทืบเขาเพราะเขา “ตุ้งติ้งเกินไป”
ใช่ เขาไม่ได้ดูเหมือนผู้ชายทั่วๆ ไป บางครั้งเขาก็แต่งหน้า ทาเล็บ แต่เขาก็ยังเป็นผู้ชายเต็มตัว และตอนนี้เขาก็สามารถอัดคุณได้สบายๆ หลังจากบทเรียนป้องกันตัวมากมายที่ผมสอนให้เขา
“ไปกันเถอะะะะ” มันลากผมออกห่างจากภาพของชายตัวเล็กที่บังเอิญทำให้ผมหลงใหลได้
ตอนนี้ผมต้องรู้เรื่องของเขาให้ได้







































































